ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้าวไรซ์เบอร์รี่ กลายเป็นหนึ่งใน “ซูเปอร์ฟู้ด” ที่ถูกพูดถึงอย่างมากในสายสุ
บทความนี้จะช่วยคุณวิเคราะห์ข้
ข้าวไรซ์เบอร์รี่คืออะไร?
ข้าวไรซ์เบอร์รี่ (Riceberry) เป็นข้าวพันธุ์ลูกผสมระหว่าง
• ข้าวเจ้าหอมนิล (มีสารแอนโทไซยานินสูง)
• กับ ข้าวขาวดอกมะลิ 105 (หอม นุ่ม)
ให้ผลผลิตเป็นเมล็ดข้าวสีม่
ข้อดีของข้าวไรซ์เบอร์รี่
1. ต้านอนุมูลอิสระสูง
มี แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชรา ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง
2. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ดัชนีน้ำตาล (GI) ปานกลาง เหมาะสำหรับผู้ควบคุมน้ำตาล เช่น ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2
3. ใยอาหารสูง ช่วยระบบขับถ่าย
ช่วยให้อิ่มนาน ลดการกินจุบจิบ และปรับสมดุลลำไส้
4. ช่วยลดคอเลสเตอรอล
มีไฟโตนิวเทรียนท์ และกรดไขมันดี ช่วยลดไขมันเลว (LDL) และเสริมสุขภาพหัวใจ
5. มีวิตามินและแร่ธาตุ
เช่น วิตามิน E, B1, ธาตุเหล็ก และแมกนีเซียม ที่ช่วยบำรุงระบบประสาทและเลือด
ข้อควรระวังในการบริโภคข้าวไรซ์
- ไฟเบอร์สูง อาจไม่เหมาะสำหรับบางคน
ผู้ที่มีปัญหาทางเดินอาหาร หรือหลังผ่าตัดควรหลีกเลี่ยงช่
- ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการพลั
เช่น นักกีฬาที่ต้องใช้พลังงานรวดเร็
- หากหุงไม่ถูกวิธี ข้าวจะแข็ง
ควรแช่ก่อนหุง 4–6 ชั่วโมง และใช้น้ำมากกว่าข้าวขาวทั่วไป
ใครเหมาะกับข้าวไรซ์เบอร์รี่?
1. ผู้รักสุขภาพทั่วไป = เหมาะมาก
2. ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 = เหมาะ
3. คนลดน้ำหนัก = เหมาะ
4. เด็กเล็ก / ผู้สูงอายุ = ควรหุงให้นิ่ม หรือผสมข้าวอื่น
5. นักกีฬา = ควรกินร่วมกับคาร์โบไฮเดรตอื่นๆ
ข้าวไรซ์เบอร์รี่ควรเลือกอย่
- เลือกที่ บรรจุสุญญากาศ ใหม่ ไม่มีกลิ่นอับ
- ถ้าเป็น ออร์แกนิก จะดีกว่า (ปลอดสารเคมี)
- หลีกเลี่ยงข้าวเก่า สีจาง กลิ่นไม่หอม
สรุป: ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ดีจริง ถ้ากินให้เหมาะกับร่างกาย
ข้าวไรซ์เบอร์รี่ไม่ใช่แค่ “กระแส” แต่คือทางเลือกที่ดีสำหรับคนใส่ใจสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ควรเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ และไม่ลืมว่ าความหลากหลายทางอาหารก็สำคัญ
0 ความคิดเห็น