ข้อควรระวังเมื่อกินข้าวไรซ์เบอร์รี่เป็นประจำ
1. มีคาร์โบไฮเดรตอยู่ไม่น้อย
แม้จะเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (complex carbs) ซึ่งดีกว่าคาร์บขัดสี แต่ข้าวไรซ์เบอร์รี่ก็ยังมีแคลอรี หากบริโภคมากเกินไป เช่น 2-3 ถ้วยในมื้อเดียว ก็อาจทำให้ น้ำหนักขึ้น ได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากไม่ออกกำลังกายหรือใช้พลังงานมากพอ
คำแนะนำ: กินประมาณ ½ - 1 ถ้วยตวงต่อมื้อก็เพียงพอ
2. ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีภาวะไตเรื้อรังขั้นสูง
ข้าวไรซ์เบอร์รี่มีแร่ธาตุ เช่น ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมในระดับที่สูง ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคไตในระยะท้าย เพราะอาจสะสมในร่างกายจนเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
คำแนะนำ: หากเป็นโรคไต ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนบริโภค
3. การปนเปื้อนโลหะหนักจากแหล่งปลูก
มีการศึกษาที่พบว่าข้าวบางแหล่งที่ปลูกในพื้นที่อุตสาหกรรมอาจปนเปื้อนโลหะหนัก เช่น แคดเมียมหรือสารเคมีจากดินและน้ำ หากรับประทานเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อระบบประสาทและไต
คำแนะนำ: เลือกซื้อข้าวไรซ์เบอร์รี่จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐานการรับรอง (เช่น มอก. หรือ อย.)
4. ใช้เวลาย่อยนาน อาจไม่เหมาะกับบางคน
เพราะข้าวไรซ์เบอร์รี่มีไฟเบอร์สูงมาก จึงใช้เวลาย่อยนานกว่าข้าวขาวหรือข้าวกล้อง อาจทำให้บางคนรู้สึกแน่นท้อง หรือท้องอืด โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาระบบย่อยอาหาร
คำแนะนำ: ควรเคี้ยวให้ละเอียด หรือแช่ข้าวก่อนหุง 30–60 นาที เพื่อช่วยให้ย่อยง่ายขึ้น
สรุป: ข้าวไรซ์เบอร์รี่ กินให้ “พอดี” จึงจะดีที่สุด
ด้านดี:
- ดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low GI)
- ไฟเบอร์สูง อิ่มนาน
- ต้านอนุมูลอิสระ
- เหมาะกับผู้ลดน้ำหนัก ผู้ป่วยโรคไตควรหลีกเลี่ยง
ข้อควรระวัง:
- ยังกินแล้วให้พลังงานสูง หากกินมาก
- เสี่ยงท้องอืดถ้าย่อยไม่ดี
- อาจปนเปื้อนโลหะหนักหากแหล่งผลิตไม่สะอาด
- ผู้ป่วยโรคไตควรหลีกเลี่ยง
0 ความคิดเห็น